วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แผนงานวิทยาศาสตร์และนาโนเทคโนโลยีของสหภาพยุโรป

แผนงานวิทยาศาสตร์นาโนและเทคโนโลยีนาโนสำหรับ ยุโรป (ค.ศ. 2005 - 2009) ระบุว่าจะสนับสนุนความร่วมมือระดับสากลในการแลกเปลี่ยนความรู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดช่องว่างและความแตกต่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ในสหภาพ ยุโรป การดำเนินงานครอบคลุมถึงการวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรมนุษย์ที่เกี่ยวข้องทางด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีชีวภาพนาโน การแพทย์นาโน พิษวิทยานาโนและพิษวิทยานาโนเชิงนิเวศน์ สารเคมี อวกาศ รวมถึงมาตรวิทยานาโน และจะมีการจัดทำระบบติดตามสิทธิบัตรในสาขาวิทยาศาสตร์นาโนและเทคโนโลยีนาโน ด้วย

เทคโนโลยีนาโนนับว่าเป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจ และเคลื่อนเข้ามาสู่ชีวิตประจำวันมากขึ้นทุกขณะ เนื่องจากปัจจุบันมีการศึกษาค้นคว้า การต่อยอดเทคโนโลยีและวิชาการที่เกี่ยวข้อง ที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาวัสดุให้มีคุณสมบัติที่ประสงค์ รวมทั้งการสร้างเครื่องมือและปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงมาใช้ทดแทน หรือนำไปแก้ไขปัญหาต่างๆ ในหลายแขนงได้อย่างน่าอัศจรรย์ เทคโนโลยีนาโนจึงเป็นวิทยาการที่สร้างสรรค์จากการวิจัยและพัฒนาที่มีความ ก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดในปัจจุบัน

การพัฒนาวิทยาศาสตร์นาโนและเทคโนโลยีนาโนในหลายสาขาพร้อมๆ กัน เป็นการเสริมศักยภาพซึ่งกันและกัน และได้มีการนำมาประยุกต์ใช้อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ การพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ซึ่งขณะนี้ได้มีการพัฒนาวัสดุนาโนที่ลดต้นทุนในการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ รวมทั้งยังมีโอกาสที่จะพัฒนาตัวนำยิ่งยวด ตัวเก็บและจ่ายไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ ในการทำน้ำสะอาด เทคโนโลยีนาโนก็มีโอกาสที่จะพัฒนาการกลั่นน้ำราคาถูก ระบบกรองน้ำที่เหมาะสม ทางด้านการแพทย์ เทคโนโลยีนาโนได้มีการนำไปใช้ในการวินิจฉัยและรักษาโรค สำหรับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม จะมีการพัฒนาตัวรับสัญญาณระดับนาโนที่มีความไวในการรับสัญญาณสูง และในอนาคตเสมือนว่าจะไม่มีของเสียเคมีตกค้างในระบบการผลิตเคมีภัณฑ์นาโน เนื่องจากระบบนาโนมีความถูกต้องถึงระดับโมเลกุล การใช้เทคโนโลยีนาโนสำหรับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะช่วยในการพัฒนา ระบบที่มีความสามารถสูงและจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการใช้งานลดลงด้วย ทางด้านอวกาศ เทคโนโลยีนาโนสามารถนำไปพัฒนาวัสดุที่ใช้ทำโครงสร้างยานอวกาศ เชื้อเพลิงยานอวกาศ รวมถึงชุดอวกาศที่มีประสิทธิภาพมากกว่าปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีการผลิตแหล่งกำเนิดประจุไฟฟ้าลบที่มีการกระจายของพลังงานต่ำมาก ที่จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย ตลอดจนการพัฒนามาตรวิทยาในระดับนาโนเพื่อการวัดที่มีความถูกต้องและเที่ยง ตรงอีกด้วย

สหภาพยุโรปได้มีการพัฒนางานทางด้านวิทยา ศาสตร์นาโนและเทคโนโลยีนาโนที่สำคัญในหลายสาขา อาทิ ทางด้านการแพทย์ได้มีวิสัยทัศน์ภายในปี ค.ศ. 2020 เกี่ยวกับเรื่องนี้ใน 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย (1) การวินิจฉัยที่อิงนาโนเทคโนโลยี ทั้งที่เป็นการวินิจฉัยนอกร่างกายและในร่างกายมนุษย์ ให้สามารถวินิจฉัยโรคได้ตั้งระยะแรกเริ่มที่สุดถึงระดับเซลส์ โดยมีผลการตรวจที่มีความเชื่อถือได้สูง (2) การพัฒนาวัสดุและกระบวนการนำยาไปสู่อวัยวะหรือบริเวณเป้าหมายที่จะรักษาได้ อย่างแม่นยำและสามารถควบคุมได้ จึงมีแนวโน้มว่าในอนาคตจะสามารถพัฒนาไปสู่การซ่อมแซมดีเอ็นเอและเซลส์ของ มนุษย์ได้ ซึ่งเป็นวิถีทางหนึ่งที่จะนำมาใช้ในการรักษาโรคทางพันธุกรรม และ (3) การรักษาโรคที่เกิดจากการเสื่อมของระบบประสาท ที่สำคัญคือ โรคพาร์กินสัน (Parkinson) โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer) และโรคที่เกี่ยวกับไขสันหลัง เป็นต้น

แผนงานวิทยา ศาสตร์นาโนและเทคโนโลยีนาโนสำหรับยุโรป (ค.ศ. 2005 - 2009) ระบุว่าจะสนับสนุนความร่วมมือระดับสากลในการแลกเปลี่ยนความรู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดช่องว่างและความแตกต่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ในสหภาพ ยุโรป การดำเนินงานครอบคลุมถึงการวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรมนุษย์ที่เกี่ยวข้องทางด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีชีวภาพนาโน การแพทย์นาโน พิษวิทยานาโนและพิษวิทยานาโนเชิงนิเวศน์ สารเคมี อวกาศ รวมถึงมาตรวิทยานาโน และจะมีการจัดทำระบบติดตามสิทธิบัตรในสาขาวิทยาศาสตร์นาโนและเทคโนโลยีนาโน ด้วย คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปจะสนับสนุนให้บริษัทเอกชนรับช่วงนวัตกรรมที่เกิด ขึ้น พร้อมกับให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนของการ ถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผลการวิจัยที่ภาคการศึกษาดำเนินการแล้วเสร็จ เพื่อการขยายผลสู่เชิงพาณิชย์ ทั้งนี้จะคำนึงถึงความปลอดภัยต่อผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่จะวางสู่ตลาด โดยการปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ และข้อบังคับของสหภาพยุโรปที่เกี่ยวข้องกับรายละเอียดในแต่ละผลิตภัณฑ์ด้วย

กล่าวได้ว่า ในทศวรรษนี้มีผลิตภัณฑ์จากผลงานด้านวิทยาศาสตร์นาโนและเทคโนโลยีนาโนออกสู่ ตลาดโลกนับแสนล้านยูโร รวมทั้งการพัฒนาวัสดุและสารที่มีคุณสมบัติดีกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่ามา ใช้ทดแทนส่วนประกอบที่เป็นอันตรายที่ใช้ในปัจจุบัน อาทิ ในเครื่องหอมและเครื่องสำอางค์ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีการแข่งขันที่สูงมากในตลาดโลก คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปจึงมีแนวคิดที่จะสนับสนุนการสร้างความร่วมมือทาง ด้านการวิจัยและพัฒนาในสาขานี้ รวมทั้งการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม โดยเชื่อมโยงระหว่างภาคเศรษฐกิจ การศึกษา และการสร้างเสริมนวัตกรรม ซึ่งในกรอบแผนงานฉบับที่ 7 (ค.ศ. 2007 - 2013) ของสหภาพยุโรปได้กำหนดให้ “วิทยาศาสตร์นาโน เทคโนโลยีนาโน เทคโนโลยีวัสดุและผลิตภัณฑ์ใหม่”เป็นกลุ่มหัวข้อสำคัญ ซึ่งให้เงินสนับสนุนสูงถึง 3.5 พันล้านยูโร โดยเน้นการพัฒนาอนุภาคนาโนด้านสุขภาพมนุษย์ และสิ่งแวดล้อมร่วมกับการศึกษาทางด้านพิษวิทยา รวมทั้งการพัฒนาวิธีการและเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการติดตาม ครอบคลุมถึงการพัฒนาเครื่องมือวัดแบบพกพาด้วย สำหรับนาโนอิเล็กทรอนิกส์อยู่ภายใต้หัวข้อเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นอกจากนี้จะบูรณาการเทคโนโลยีดังกล่าวสู่การประยุกต์ใช้ทางด้านอุตสาหกรรม ตลอดจนสร้างเสริมขีดความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์นาโนและเทคโนโลยีนาโนของ สหภาพยุโรปให้เป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญในสาขาต่างๆ อาทิ การแพทย์นาโน เคมียั่งยืน และอวกาศด้วย

แม้ ว่าเทคโนโลยีนาโนจะมีคุณอนันต์ แต่นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายต่างก็มีความเชื่อว่าจะมีโทษมหันต์ด้วยเช่นกัน หากผู้ที่ทำงานซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตเหล่านั้นสัมผัสกับวัสดุนาโน โดยตรงและปราศจากความระมัดระวัง เนื่องจากอนุภาคที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีนี้มีขนาดเล็กกว่าเซลส์มาก จึงมีโอกาสที่จะซึมเข้าสู่ร่างกายของผู้ที่สัมผัสโดยไม่รู้ตัว คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปก็คำนึงถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จึงได้จัดทำเว็ปไซท์เพื่อเป็นเวทีเสวนาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงวิชาการระหว่างนักวิทยาศาสตร์ ผู้จัดทำนโยบายและสาธารณชน เกี่ยวกับประโยชน์และผลกระทบที่อาจจะเป็นไปได้ อันมีสาเหตุมาจากวิทยาศาสตร์นาโนและเทคโนโลยีนาโน รวมทั้งได้มีการศึกษาแนวทางในการประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสารและ วัสดุ รวมทั้งเครื่องมือ เพื่อเตรียมการและป้องกันปัญหาที่อาจจะขึ้นจากการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง

เทคโนโลยีนาโนเป็นสหวิทยาการที่นับว่าใช้ความรู้ที่เกิด ขึ้นใหม่ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าและมีความเป็น พลวัตสูงมาก เป็นเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อทั้งเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ที่ยังมีช่องว่างและความแตกต่างขององค์ความรู้ระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้ว กับประเทศกำลังพัฒนาอย่างชัดเจน อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในด้านที่ดีแล้ว อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นสาขาการวิจัยและพัฒนาที่เป็นโอกาสในการสร้างสรรค์นวัต กรรมของนานาอารยประเทศ สหภาพยุโรปเป็นกลุ่มประเทศที่มีความเข้มแข็งทางด้านวิทยาศาสตร์นาโนและ เทคโนโลยีนาโนในหลายสาขา ที่ได้กำหนดแนวทางในการพัฒนาขีดความสามารถของภูมิภาคอย่างจริงจัง เป็นระบบและต่อเนื่อง ประเทศไทยน่าจะแสวงหาแนวทางในการสร้างความร่วมมือ ที่จะร่วมกันสร้างสรรค์องค์ความรู้ หรือสร้างเสริมขีดความสามารถนักวิจัยในสาขาที่ประเทศไทยมีความต้องการและมี ศักยภาพ สำหรับการพัฒนาต่อยอดในลำดับต่อไป เพื่อว่าสักวันหนึ่งในอนาคตประเทศไทยอาจจะเป็น “เจ้าของเทคโนโลยีนาโน” ในบางสาขาก็ได้

ที่มา: Office of Science & Technology, Brussels

ไม่มีความคิดเห็น: