วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ท่อนาโนคาร์บอนช่วยต่อกระดูกหัก

นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นได้ค้นพบว่าคาร์บอนนาโนทิวป์สามารถช่วยเียียวยาปัญหากระดูกหัก
ได้เร็วกว่าวิธีการอื่นๆ ซึ่งคาร์บอนาโนทิวป์หรือที่เรียกว่าท่อนาโนคาร์บอนนอกจากจะมีคุณ
สมบัติในเป็นตัวนำไฟฟ้ายิ่งยวด(superconductor)มีความเข็งแรงกว่าเหล็กกล้าและยืดหยุ่น
สูงทำให้ปัจจุบันการประยุกต์ใช้สารองค์ประกอบคาร์บอนดังกล่าวมีความหลากหลายในภาควิจัย
และธุรกิจ ในวงการแพทย์ได้ตื่นตัวในการทำวิจัยที่เกี่ยวเนื่องกับการประยุทต์ใช้ท่อนาโน
นี้ ซึ่งมีทั้งมิติของการศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมรวมถึงขอบเขตของการใช้
ประโยชน์ โดยได้ค้นพบประโยชน์เพิ่มเติมว่าท่้อนาโนคาร์บอนสามารถใช้เป็นองค์ประกอบในการ
เยียวยาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจนกระดูกหัก ซึ่งท่อนาโนคาร์บอนเป็นตัวเร่งปฏิกริยาทำให้เื้้นื้อเยื่อกระดูก
สร้างตัวเองได้เร็วกว่าวิธีการอื่น และลดปัญหาการแตกร้าวของมวลกระดูกระหว่างการฟื้นตัว
โดยพบว่าท่อนาโนคาร์บอนสามารถรวมตัวเข้ากับ
โปรตีน (bone morphogenetic protein-BMP)
ได้เป็นอย่างดี ซึ่งผลการวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่เคยมีประสบการณ์กระดูกหักสามารถรู้สึกถึงความแตก
ต่างของการรักษาด้วยวิธีการดังกล่าวได้อย่างชัดเจน

สำหรับผู้เขียนเองเคยกังวลเกี่ยวกับอนาคตของบ้านเราที่นับวันจะมีผู้สูงอายุมากขึ้นเรื่อยๆซึ่ง
หลายหน่วยงานได้พยายามเตรียมการณ์รับมือวิกฤติสังคมผู้สูงอายุโดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง
ด้านสุขภาพอนามัย โรคหนึ่งที่กำลังจะกลายเป็นปัญหาในอนาคตของผู้สูงอายุไทยคือโรคกระดูก
พรุนซึ่งถึงแม้จะไม่ทำให้เสียชีวิตแต่ก็จะเป็นภาระกับคนรอบข้าง ซึ่งสังคมผู้สูงอายุในญี่ปุ่นให้ความ
สำคัญกับประเด็นดังกล่าวมาก เนื่องจากเป็นโรคที่บันทอนสุขภาพของผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้สูงอายุเอง
แล็วก็ยังเป็นการเพิ่มภาระดูแลให้กับลูกหลานด้วย ซึ่งสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้โรคกระดูกพรุน
อาจกลายเป็นปัญหาต่อไปในสังคมคือ พฤติกรรมการบริโภคของคนที่เปลี่ยนไปและโรคอ้วน โดย
เฉพาะกลุ่มคนเมืองจะมีความเสี่ยงดังกล่าวสูงกว่าคนในชนบทเืนื่องจากวิถีชีวิตที่เร่งรีบและขาดการ
ดูแลสุขภาพ การออกกำลังกายน้อย เป็นต้น ซึ่งคงต้องตั้งคำถามต่อว่าเราจะสนับสนุนนโยบายด้าน
สุขภาพองค์รวมมากน้อยขนาดไหน และการเข้าถึงสวัสดิการดังกล่าวเพียงพอหรือไม่ควบคู่ไปกับการ
แสวงหาเทคโนโลยีด้านการรักษาพยาบาลที่เหมาะสม น่าจะเป็นทางออกที่ดีแล้วหรือยัง

ที่มา:http://blog.nanovic.com.au

ไม่มีความคิดเห็น: